ในปี 2011 ประเทศอียิปต์ได้พบกับกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 25 มกราคม การประท้วงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อโค่นล้มระบอบเผด็จการของประธานาธิบดีโฮสนี มูบารัค ผู้ซึ่งครองอำนาจมาเกือบสามสิบปี
เหตุการณ์ 25 มกราคมเกิดจากความไม่พอใจที่สะสมมานานหลายปีในหมู่ประชาชนอียิปต์ สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การคอร์รัปชันอย่างแพร่หลาย และการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นปัจจัยหลักที่จุดชนวนให้เกิดการประท้วง
การประท้วงเริ่มขึ้นในกรุงไ качеเมื่อกลุ่มนักกิจกรรมและเยาวชนรวมตัวกันที่จตุรัส Tahrir เพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พวกเขาชูธงชาติอียิปต์ และตะโกนคำร้องที่แสดงถึงความต้องการของพวกเขา
ข่าวการประท้วงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านสื่อสังคมและช่องทางสื่อสารอื่นๆ ประชาชนจากทั่วประเทศต่างรวมตัวกันเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว และเรียกร้องให้มีการปฏิรูป
ฝ่ายอำนาจนำพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ โดยใช้กำลังตำรวจในการสลายการประท้วง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งกระแสแห่งความโกรธของประชาชนได้ การเผชิญหน้าระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจกลายเป็นภาพที่คุ้นตากลางจตุรัส Tahrir
ในช่วงหลายสัปดาห์ถัดมา การประท้วงขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วอียิปต์ ผู้คนจากทุก阶层และทุกกลุ่มศาสนาต่างร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับระบอบเผด็จการ
ความรุนแรงได้เกิดขึ้นในหลายๆ โอกาส โดยมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สื่อมวลชนต่างรายงานข่าวเหตุการณ์อย่าง приста密 และภาพของผู้ประท้วงที่ถูกตำรวจทำร้ายได้รับการแพร่กระจายไปทั่วโลก
แรงกดดันจากประชาชนและสากลโลกทำให้โฮสนี มูบารัค ประธานาธิบดีอียิปต์ต้องลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011 การลาออกของมูบารัค เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเคลื่อนไหวประชาชน และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอียิปต์
ผลลัพธ์ของการประท้วง 25 มกราคม:
- การสิ้นสุดระบอบเผด็จการของโฮสนี มูบารัค
- การจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวและการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่
ความท้าทายที่ตามมา:
- การสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ
- การฟื้นฟูสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
- การกำจัดการคอร์รัปชัน
หลังจากการประท้วง 25 มกราคม อียิปต์ได้ผ่านมาอย่างยากลำบาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความไม่สงบทางการเมือง ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ และความท้าทายด้านเศรษฐกิจ
ผู้คนจำนวนมากยังคงมีความหวังว่าอียิปต์จะสามารถก้าวไปข้างหน้าและสร้างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและมีความยุติธรรม
มุฮัมหมัด มอร์ซิ: ความหวังและความผิดหวัง
เมื่อพูดถึงบุคคลสำคัญในช่วงการปฏิวัติอียิปต์ 25 มกราคม และหลังจากนั้น หนึ่งในชื่อที่โดดเด่นที่สุดคือ มุฮัมหมัด มอร์ซิ
มอร์ซิ เป็นสมาชิกของพรรค อิสลาม Brotherhood ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลมากในอียิปต์ เขาได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากการเลือกตั้งที่จัดขึ้นในปี 2012
การมาถึงของมอร์ซิ เป็นจุดเริ่มต้นของความหวังใหม่สำหรับหลายคน
เขาสัญญาว่าจะสร้างประเทศอียิปต์ที่เป็นประชาธิปไตยและยุติธรรม แต่ระหว่างดำรงตำแหน่ง
เขากลับเผชิญกับความขัดแย้งและวิกฤติทางการเมืองอย่างรุนแรง
นโยบายของมอร์ซิ:
- การให้สัญญาว่าจะปกครองด้วยกฎหมายศาสนา
- การขยายอำนาจของประธานาธิบดี
- การขัดแย้งกับกลุ่มฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
นโยบายเหล่านี้ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ประชาชนบางส่วน และนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ ในที่สุด มอร์ซิ ถูกกองทัพล้มล้างอำนาจในปี 2013
บทเรียนจากการปฏิวัติอียิปต์
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่รุนแรงและทันทีอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคง
- การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง
- ความสามัคคีของสังคมเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะความท้าทายและก้าวไปข้างหน้า
มอร์ซิ: ชะตากรรมที่ขมขื่น
หลังจากการล้มล้างอำนาจ มอร์ซิ ถูก软禁และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เขาเสียชีวิตในปี 2019 ในขณะที่อยู่ใน custody
ชะตากรรมของมอร์ซิเป็นตัวอย่างของความท้าทายที่อียิปต์ต้องเผชิญในช่วงหลังการปฏิวัติ การสร้างอนาคตที่มั่นคงและรุ่งเรืองสำหรับประเทศนี้ยังคงเป็นภารกิจที่ยากลำบาก