การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 2017 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาและตื่นเต้นให้แก่ชาวฝรั่งเศสและผู้ติดตามกระแสการเมืองโลก การแข่งขันครั้งนี้เป็นการปะทะกันระหว่างสองอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง: อีกด้านหนึ่งมี เอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) อดีตbankerและรัฐมนตรีเศรษฐกิจหนุ่มไฟแรง ผู้เสนอนโยบายแบบเสรีนิยมและการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อีกด้านหนึ่งคือ มารีน เลอ ป็อง (Marine Le Pen) ผู้นำพรรคแนวขวาจัด “National Rally” ซึ่งเสนอนโยบายชาตินิยม เลิกใช้เงินยูโร และหันมาควบคุมการโยกย้ายของผู้คนอย่างเข้มงวด
ก่อนการเลือกตั้ง ฝรั่งเศสกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม อัตราการว่างงานสูง การขาดโอกาสทางการศึกษาและการแพ้สงครามการค้าแก่ชาติที่พัฒนาแล้ว ประชาชนฝรั่งเศสเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบการเมืองแบบเดิมๆ
มาครงซึ่งเป็นผู้สมัครนอกเหนือจากสองพรรคใหญ่อย่าง “Socialist Party” และ “Republican Party” ได้ดึงดูดใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากด้วยข้อเสนอนโยบายที่ทันสมัยและการพูดคุยกับประชาชนอย่างเปิดเผย
เขาสัญญาว่าจะปฏิรูประบบเศรษฐกิจเพื่อสร้างงาน สนับสนุนการลงทุน และลดภาษีสำหรับธุรกิจ
มาครงยังเสนอมาตรการด้านการศึกษา โมเดิร์ไนซ์ระบบสาธารณสุข และปรับปรุงความมั่นคงของประเทศ
Le Pen: ท้าทายระบอบเดิม, สัญญาความปลอดภัย และเอกลักษณ์ชาติ
ในขณะที่ มาครง มุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม มารีน เลอ ป็อง ได้รุกคืบด้วยแคมเปญที่เน้นถึง “การกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส”
Le Pen ขับเคลื่อนโดยข้อความเชิงชาตินิยมและต่อต้านผู้อพยพ
เธอวิจารณ์นโยบายของสหภาพยุโรป (EU) ว่าเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของฝรั่งเศส และเสนอนโยบายที่จำกัดการโยกย้ายของผู้อพยพและควบคุมศาสนาอิสลามอย่างเข้มงวด
Le Pen มุ่งหวังที่จะดึงดูดผู้ที่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งโดยระบบการเมืองเดิมและต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ผลของการเลือกตั้ง: การผงาดขึ้นของฝ่ายเสรีนิยม
ในที่สุด มาครงก็เอาชนะ Le Pen ได้อย่างเด็ดขาดด้วยคะแนน 66.1% ต่อ 33.9%
ชัยชนะครั้งนี้เป็นสัญญาณถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลงและความเชื่อมั่นของประชาชนฝรั่งเศสในแนวคิดเสรีนิยม
มาครงได้ก่อตั้งรัฐบาลใหม่ และเริ่มดำเนินนโยบายที่เขาดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
ตารางเปรียบเทียบนโยบาย:
นโยบาย | มาครง | Le Pen |
---|---|---|
เศรษฐกิจ | ปฏิรูปและลดภาษี | ควบคุมการค้าและอุตสาหกรรม |
ยุโรป | สนับสนุนสหภาพยุโรป | ออกจากสหภาพยุโรป |
อพยพ | นโยบายเปิดกว้าง | การควบคุมและจำกัด |
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 2017 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุโรป
มันแสดงให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลง การมีส่วนร่วมในการเมือง และความหิวโหยที่จะสร้างอนาคตที่สดใสและมั่นคง